Working: 24 hours/7 days

จากครีเอทีฟหัวตัน สู่ร้านกาแฟเล็กๆ ในฝันที่หลายคนวาดไว้

บอร์ด ความรัก,จากครีเอทีฟหัวตันสู่ร้านกาแฟเล็กๆในฝันที่หลายคนวาดไว้ ประสบการณ์ช.. โพสท์โดย ห่ะไรนะเมื่อพูดถึงธุรกิจร้านกาแฟเล็กๆ คงเป็นความฝันของใครๆหลายๆคน วันนี้มีกระทู้ดีๆ สมาชิกจากเวบไซต์พันทิป ดอท คอม ที่แชร์ประสบการณ์การเปิดร้านกาแฟในฝันของหนุ่มไฟแรงคนนี้ ที่อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจดีๆอย่างมากมาย เรามาอ่านเรื่องราวของหนุ่มคนนี้กันดีกว่าค่ะ  ที่จริงผมอยากแชร์เรื่องร้านมาตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆ แต่ตัดสินใจบ่มให้ได้ที่เสียก่อน ซึ่งผมว่าเป็นการตัดสินใจที่น่าสนใจ จนกระทั่ง ณ เวลานี้ ร้านเปิดมาประมาณเกือบปี เรื่องราวต่างๆ ที่สะสมไว้ เริ่มอยู่ตัวพอจะเอามาแชร์ได้ส่วนนี่คือรูปร้านปัจจุบันครับก่อนหน้าที่จะมาทำร้าน ผมเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทด้านสื่อที่กรุงเทพ หลังจากนั้นออกมาเปิดบริษัทเอง และด้วยความเบื่อหน่ายในวงจรอาชีพ ก็เลยตัดสินใจหาอาชีพอิสระทำ โดยมีปัจจัยพื้นฐานแบบนี้ครับ1. ด้วยความเบื่อในสายอาชีพ (อันนี้ส่วนตัวมากๆ ไม่ใช่สายอาชีพไม่ดีนะครับ) ผมคิดไว้ว่า งานที่จะทำ ต้องเป็นตัวเรามากๆ เป็นอิสระ ใช้ชีวิตแบบงานและชีวิตคือสิ่งเดียวกัน งานต้องไม่ทำให้เราเบื่อจนไม่อยากตื่นมาทำ2. เงินเก็บที่มี ประมาณ 2 แสน บวกกับเงินของแฟนอีกประมาณ หกหมื่น ดังนั้นเงินยังเป็นปัจจัยที่จำเป็นต้องหาเพิ่ม ไม่ได้มีกองหนุนหลังจากก้อนนี้ ซึ่งถือว่าเสี่ยงมากพอสมควร3. มีความฝันอยากมีร้านกาแฟของตัวเอง ตั้งแต่ครั้งที่อยู่เชียงใหม่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งผมชอบนั่งร้านกาแฟ 4. ผมไม่มีพื้นฐานด้านกาแฟเลยแม้แต่น้อย ส่วนใหญ่ที่นั่งร้านกาแฟ จะสั่งชาไทย ชาเขียว ร้านกาแฟที่กำลังพูดถึง อยู่ที่อยุธยา ผมเลือกที่นี่เพราะบ้านแฟนอยู่อ่างทอง ซึ่งในเวลานั้นคิดกันแล้วว่า ถ้าเปิดอ่างทอง สู้ไปหาที่ที่อยุธยาดีกว่า เพราะน่าจะเป็นเมืองมากกว่า เราขับรถตระเวณหา จนเจอห้องหัวมุม เข้ามาดูเป็นกระจกสองด้าน ซึ่งเราชอบที่นี่ แต่ภายนอก ณ ขณะนั้น ร้างมาก ตึกทั้งแถวมีร้านหมอ กับที่เรียนพิเศษอยู่สองห้อง นอกนั้นไม่มีร้านอื่นเลย ซึ่งในใจตอนนั้นต้องบอกว่า เริงร่ามาก ดูสงบ ตามที่คิดไว้เปะสภาพที่เรามาเจอห้องนี้เลย หัวมุมทั้งแถวมีอยู่สองร้าน เงียบได้ใจตอนนั้นดูโครงสร้างแล้ว พอปรับปรุงได้วิธีที่ใช้ตอนนั้นคือทำยังไงก็ได้ให้ใช้งบน้อยที่สุด ผมก็เลยใช้ทฤษฏี "เท่าที่มี" คือ ซื้อของให้น้อยที่สุด ก็เลยแต่งร้านด้วยของสะสมที่มีอยู่แล้ว อย่างพวกแผ่นหนัง กล้อง หรือหนังสือที่ซื้อเก็บๆ ไว้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็ผสมกันระหว่างที่มีอยู่แล้ว กับอีกส่วนที่ให้พ่อแฟนทำให้เราทำกันเองง่ายๆ โดยอาศัยดู ref จาก Pinterest ผมวางเฟอร์นิเจอร์ไว้เป็นแบบงานเหล็กตามที่ผมชอบ ผสมกับงานไม้ ที่แถวบ้านแฟนมีไม้เยอะอยู่แล้ว โชคดีที่ผมสามารถต่อรองกับเจ้าของ ได้เข้าไปแต่งร้านก่อนโดยยังไม่เสียค่าเช่า เป็นเวลาสองเดือน ซึ่งงานที่ผมต้องทำภายในสองเดือนคือ ปรับปรุงร้าน และ ทำกาแฟให้เป็น ตัวร้านผมได้พ่อแฟนเข้ามาช่วยดูงาน เลประหยัดงบเรื่องช่างไป แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นงานที่ทำกันเองได้ ต่อท่อน้ำ ลอกสีเก่า ทาสีใหม่ รื้อไม้เก่า ซึ่งงานพวกนี้ทำกันสามคน ผม แฟน พ่อแฟน แล้วจบงานด้วยการเดินไฟที่จ้างช่างไฟที่รู้จักมาจากกรุงเทพในราคากันเองซึ่งในขณะที่งานโครงสร้างเดินไป งานเรียนรู้ด้านกาแฟก็ต้องเดินตาม ก่อนหน้านี้ด้วยความที่ชอบกินชา ผมมีตัวชงชาอยู่แล้วที่ใช้ทำกินประจำ คือหม้อต้มแบบ moka pot ด้วยราคาที่ไม่แพงนัก พอเปิดร้าน ผมก็เลยตัดสินใจใช้ moka pot นี่แหละ เป็นตัวหลักในการทำงาน (หลังๆ มาพอเริ่มติดกาแฟ ก็เพิ่มแบบดริปเข้ามา กับหม้อดริปแบบเวียดนามเข้ามาสนองความต้องการของตัวเอง)Moka potด้วยวิธีชงแบบนี้ ทำให้ไม่สามารถหาสูตรสำเร็จได้จากเว็บต่างๆ ในเมืองไทย จะหาได้ก็คือวิธีชงแบเบสิคของ moka pot จากเว็บนอก ผมจึงใช้วิธี เอาทุกอย่างมาผสมกัน ทฤษฎี จากเว็บนอก บวกกับ ปฏิบัติ ด้วยการเทสทุกเมนู เทสแล้วเทสอีก บางวันชิมกาแฟจนปวดหัวไปเลยก็มี เทสเมล็ดตั้งแต่เมล็ดนอกโนเนมยันเมล็ดชื่อดังในตลาดโลก, เมล็ดไทยชาวบ้านยันเมล็ดแบรนด์ดัง เทสจนได้สิ่งที่ลงตัว จากความฝันที่อยากทำร้านกาแฟ ในที่สุดก็เป็นความจริง ร้านเปิด มีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง และแล้วก็ต้องกลับสู่โลกของความจริงหลังจากนั้น ลูกค้าแทบไม่มี สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ ทุกวันนี้ใครๆ ก็อยากเปิดร้านกาแฟกันทั้งนั้น แล้วร้านกาแฟจะแข่งกันที่อะไรหล่ะ คุณภาพ ราคา สิ่งอำนวยความสะดวก แต่หลังจากที่เปิดร้านมาเกือบปี ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่ทำให้คนเข้าร้านกาแฟคือ "ร้านได้ทำให้เกิดความพึงพอใจ" ซึ่งคงต้องเป็นการบ้านของแต่ละคนว่าความพึงพอใจที่ลูกค้ามอบให้แต่ละร้านเกิดจากอะไร (ร้านผมนี่คนนึง ก่อนเข้าร้าน ยื่นแขนเข้ามาก่อนเลย อันนี้จริงๆ เจอมากับตัว พอรู้ว่าไม่มีแอร์ก็หันกลับ เราไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้เขาไง (อันนี้พูดกับตัวเอง)) และแน่นอน อย่างที่ผมได้ทำลิสต์ไว้ข้างต้น ผมอยากอยู่สบายๆ ไม่ไปแข่งกับใคร ร้านของผมจึงต้องทำให้ "ผม" เกิดความพึงพอใจ โชคดีที่ผมได้รู้จักพี่ๆ ที่น่ารักละแวกนั้น มีพี่คนหนึ่งแนะนำว่ายังไม่มีร้านอาหารสำหรับนักท่องเที่ยวมากนัก บวกกับความชอบทำอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมเลยปรับทิศทางร้านไปสู่การเป็นร้านอาหารที่มีกาแฟดีดีขายด้วย และปรับกลุ่มลูกค้าที่ตั้งต้นเป็นคนไทยคอกาแฟอยุธยา เป็นชาวต่างชาิตที่ถวิลหาอาหารที่คุ้นเคยแทนและนี่คือรีวิวล่าสุดที่ได้รับจากลูกค้าเว็บแนะนำเที่ยว“Excellent coffee + breakfast”5 of 5 stars Reviewed If you're looking for a western style breakfast, this could be for you. We had French toast, peanut butter on toast and 'egg in a hole' - it's not totally western and that's its charm! Fantastic lattes too. Relaxed setting with jazz music playing. We may go back tomorrow! ส่วนตัวผมคิดว่า การทำร้าน เจ้าของเองต้องมีการ "พัฒนาอย่างต่อเนื่อง" เพราะถ้าผมหยุดอยู่กับที่ ทุกวันนี้ผมคงทำกาแฟไม่เป็น (ซึ่งตอนนี้ผมติดกาแฟไปแล้ว) ส่วนที่ร้านมีเมนูประจำที่ขึ้นชื่อคือ อิงลิชมัฟฟิน ขนมปังสัญชาติอังกฤษที่ฝรั่งนิยมทานเป็นอาหารเช้า ต่อมาคือ "ปรับเปลี่ยนได้เมื่อจำเป็น" ถ้าผมไม่ปรับทำอาหารด้วยและเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างชาติ ป่านนี้ร้านกาแฟคงอยู่ไม่รอด และต้องคงอยู่ในแนวทางของตัวเองให้ได้มากที่สุด "อย่าทิ้งแนวทางของตัวเอง" ขอบคุณที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ครับ ^___^สุดท้ายนี้ มีรูปอาหารที่ร้านมาฝากด้วยครับมัฟฟินโฮมเมดPoutine BurgerฃแซนวิชsteakOpen Sandwich

Recent Posts
สุดแปลก "ตลาดรถไฟ5นาที" ถึงเวลาก็หายวับ
หนูน้อยวัย 6 ขวบ ยอดกตัญญู สุดแกร่ง สู้ชีวิตไม่ท้อ แม้ต้องเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัว
แล้ววันหนึ่งมันก็จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เด็กจบใหม่กับงานที่ใช่
ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจชี้ ปชช. ยอมรับ "เศรษฐา" เป็นนายกฯ เกินครึ่งเชื่อมั่นปากท้องแก้ได้